บัวบก

Asiatic Pennywort, Tiger Herbal
Centella asiatica (Linn.) Urban
APIACEAE
ชื่ออื่นผักแว่นผักหนอก

รูปลักษณะ
ไม้ล้มลุก อายุหลายปี เลื้อยแผ่ไปตามพื้นดิน ชอบที่ชื้นแฉะ แตกรากฝอยตามข้อ ไหลที่แผ่ไปจะงอกใบจากข้อ ชูขึ้น 3-5 ใบ ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปไต เส้นผ่าศูนย์กลาง 2-5 ซม. ขอบใบหยัก ก้านใบยาว ดอกช่อ ออกที่ซอกใบ ขนาดเล็ก 2-3 ดอก กลีบดอกสีม่วง ผลแห้ง แตกได้
สรรพคุณและส่วนที่นำมาใช้เป็นยา
ใบสด – ใช้เป็นยาภายนอกรักษาแผลเปื่อย แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก โดยใช้ใบสด 1 กำมือ ล้างให้สะอาด ตำละเอียด คั้นเอาน้ำทาบริเวณแผลบ่อย ๆ ใช้กากพอกด้วยก็ได้ แผลจะสนิทและเกิดแผลเป็นชนิดนูน (keloid) น้อยลง สารที่ออกฤทธิ์คือ กรด madecassic, กรด asiatic และ asiaticoside ซึ่งช่วยสมานแผลและเร่งการสร้างเนื้อเยื่อ ระงับการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย ที่ทำให้เกิดหนองและลดการอักเสบ มีรายงานการค้นพบฤทธิ์ฆ่าเชื้อรา อันเป็นสาเหตุของโรคกลาก ปัจจุบัน มีการพัฒนายาเตรียมชนิดครีม ให้ทารักษาแผลอักเสบจากการผ่าตัด น้ำต้มใบสดดื่มลดไข้ รักษาโรคปากเปื่อย ปากเหม็น เจ็บคอ ร้อนใน กระหายน้ำ ขับปัสสาวะ แก้ท้องเสีย

ขันทองพยาบาท

Suregada multiflorum Baill.
EUPHORBIACEAE
ชื่ออื่น กระดูก ยายปลูก ขนุนดง ขอบนางนั่ง ขัณฑสกร ช้องรำพัน สลอด น้ำขันทอง มะดูก หมายดูก ข้าวตาก ขุนทอง คุณทอง ดูกไทร ดูกไม เหมือดโรด ดูกหิน ดูกไหล ทุเรียนป่าไฟ ป่าช้าหมอง ยางปลอก มะดูกดง ฮ่อสะพานควาย มะดูกเลี่ยม ดูกใส

รูปลักษณะ
ไม้ยืนต้น สูง 4-15 เมตร ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปขอบขนาน กว้าง 3-6 ซม. ยาว 9-14 ซม. ดอกช่อ ออกที่ซอกใบ แยกเพศอยู่คนละต้น กลีบดอกสีนวล ผลแห้ง แตกได้ รูปกลม
สรรพคุณและส่วนที่นำมาใช้เป็นยา
เนื้อไม้ ใช้แก้ลมพิษ แก้กามโรค
เปลือกต้น – เป็นยาแก้โรคผิวหนังกลากเกลื้อน นอกจากนี้ ยังใช้เป็นยาบำรุงเหงือก ทำให้ฟันทน ยาถ่ายและฆ่าพยาธิ

ข่อย

MORACEAE
ชื่ออื่น กักไม้ฝอย ส้มพอ
รูปลักษณะ
ไม้ยืนต้น มีน้ำยางขาว สูง 5-15 เมตร ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปไข่แกมขอบขนาน รูปวงรี หรือรูปไข่กลับ กว้าง 2-4 ซม. ยาว 4-8 ซม. ผิวใบสากคาย ดอกช่อ ออกที่ซอกใบ แยกเพศอยู่คนละต้น ช่อดอกตัวผู้เป็นช่อกลม ช่อดอกตัวเมียออกเป็นกระจุกมี 2-4 ดอกย่อย กลีบดอกสีเหลือง ผลสด รูปไข่ เมื่อสุกสีเหลือง
สรรพคุณและส่วนที่นำมาใช้เป็นยา
เปลือกต้น – แก้โรคผิวหนัง รักษาแผล หุงเป็นน้ำมันทารักษาริดสีดวงทวาร รักษารำมะนาด แก้ท้องร่วง
เมล็ด ผสมกับหัวแห้วหมู เปลือกทิ้งถ่อน เปลือกตะโกนา ผลพริกไทยแห้งและเถาบอระเพ็ด ดองเหล้าหรือต้มน้ำดื่ม เป็นยาอายุวัฒนะ

ขมิ้นชัน

อาจารย์แพทย์แผนไทย มทร.ธัญบุรี สร้างชื่อเสียงบนเวทีระดับโลก จากการนำเสนอผลงานวิจัยภายในงาน International Warsaw Invention Show (IWIS) 2014 ณ Warsaw University of Technology ประเทศโปแลนด์ คว้า 3 รางวัล คือ รางวัลเหรียญทองแดง Bronze Medal , รางวัล Special Award For The Most Stupendous Work of Innovative Invention Entitled จาก Korea Invention News และรางวัล Special Award For The Best Innovation Presentation จาก Chinese Innovation & Invention Society (CIIS) ในผลการวิจัยเรื่อง A Novel Active Ingredient From Hypoxis Aurea Lour. For  Anti-aging Cosmetics

ดร.กรวินท์วิชญ์ บุญพิสุทธินันท์ อาจารย์วิทยาลัยการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี เจ้าของผลงาน กล่าวว่า เป็นอีกครั้งที่วิทยาลัยการแพทย์แผนไทย มทร.ธัญบุรี มีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งตนในฐานะอาจารย์และนักวิจัยได้มุ่งมั่นศึกษาจนกระทั่งประสบความสำเร็จ ค้นพบ “สารสกัดว่านตาลเดี่ยว” ซึ่งเป็นพืชสมุนไพรที่มีคุณสมบัติลดเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase) ในชั้นผิวหนังที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดเม็ดเมลานิน (Melanin) สีดำบนผิวหนัง ทำให้คงเหลือแต่ฟีโอเมลานิน (Pheomelanin) ซึ่งเป็นเม็ดเมลานินสีขาว หรือสรุปง่ายๆ คือ ช่วยให้ผิวขาวขึ้นนั่นเอง

ในกระบวนการศึกษาวิจัยนี้ ว่านตาลเดี่ยวยังมีคุณสมบัติที่น่าสนใจเพิ่มเติมอีก คือ มีฤทธิ์ช่วยสร้างคอลลาเจนในชั้นเซลล์ผิวได้ดีกว่าวิตามินซี ซึ่งสามารถนำไปใช้เป็นส่วนประกอบในการผลิตเครื่องสำอางจำพวกต่อต้านริ้วรอย (Anti-aging) จะช่วยลดริ้วรอย และทำให้ผิวเนียนเรียบ เพราะสารสกัดว่านตาลเดี่ยวจะกระตุ้นให้เซลล์ผิวสร้างคอลลาเจนขึ้นมาได้เอง ซึ่งจะแตกต่างจากการทาเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมคอลลาเจน นอกจากนี้ การปลูกว่านชนิดนี้สามารถทำได้โดยง่าย ไม่ต้องดูแลรักษาเป็นพิเศษ เป็นพืชที่ขึ้นได้ทุกพื้นที่ของไทย จึงทำให้โดดเด่นในแง่ของวัตถุดิบ ต้นทุน และกำลังการผลิต

ดร.กรวินท์วิชญ์ กล่าวด้วยว่า เครื่องสำอางในปัจจุบันมักจะใช้สารเคมีหรือสารออกฤทธิ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งมีราคาแพง ต้นทุนการผลิตสูง ทำให้ราคาขายก็สูง ทั้งยังทำให้โอกาสในการแข่งขันทางการตลาดในต่างประเทศก็ลดน้อยลง นอกจากนี้โอกาสที่ผู้บริโภคใช้แล้วจะเกิดการแพ้หรือระคายเคืองก็สูงกว่า จึงอยากรณรงค์และเชิญชวนให้นักวิจัยหันมาสนใจศึกษาพืชสมุนไพรมากยิ่งขึ้น เพื่อทำให้สมุนไพรไทยเป็นวัตถุดิบหรือส่วนประกอบในการผลิตเครื่องสำอาง เพราะสมุนไพรไทยมีอยู่หลากหลายชนิด มีการใช้มาเป็นระยะเวลายาวนาน มีความปลอดภัยสูง และถือเป็นภูมิปัญญาของไทย

“การนำเสนอผลงานวิจัยในงาน IWIS 2014 ครั้งนี้ ผมขอขอบคุณผู้บริหารมหาวิทยาลัยฯ ที่เห็นประโยชน์และคุณค่าของผลงานวิจัยชิ้นนี้ และให้การสนับสนุนในการเข้าร่วมประกวดเป็นอย่างดี ทำให้ได้เห็นงานวิจัยและนวัตกรรมใหม่ๆ ในแถบยุโรปและเอเชียที่น่าสนใจ เพราะนอกจากหลักการ 3P (Product- ผลิตภัณฑ์, Publish-การตีพิมพ์เผยแพร่ Patent-สิทธิบัตร) ที่ผมใช้ในกระบวนการทำงานแล้ว ยังทำให้รู้แนวทางและเทคนิคการวิจัยใหม่ๆ จากต่างประเทศ เพื่อทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการพัฒนางานวิจัยต่อไปทั้งในประเทศและต่างประเทศ” ดร.กรวินท์วิชญ์ กล่าว